วันพฤหัสบดีที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ประวัติการ์ตูน DRAGONBALL

ประวัติก้อนบอล




  ชื่อตัวละครในเรื่องดราก้อนบอล มีการนำจากคำศัพท์ทั่วไปในชีวิตประจำวันมาใช้ คือชื่ออาหาร และชื่อเสื้อผ้า โดยคำที่มาจากภาษาญี่ปุ่น ใช้แทนบุคคลในโลก และ คำที่มาจากภาษาอังกฤษ ใช้แทนบุคคลที่มาจากต่างดาว เช่น โกฮัง (Gohan) แปลว่า ข้าว, เบจิต้า (Vegeta/Vegetable) แปลว่า ผัก, ฟรีเซอร (Freeza/Freezer) แปลว่า ช่องแช่แข็ง และ พิคโคโร่ (Piccolo) แปลว่า ขลุ่ยผิว เป็นต้น

โกคู
โกคู (ญี่ปุ่น: 孫悟空 Son Gokū ?) เป็นพระเอกของเรื่องเป็นชาวไซย่าที่เก่งที่สุด มีพ่อชื่อบาร์ดัค เขาเป็นชาวไซย่าที่มีอีกชื่อหนึ่งว่า คาคาล็อต แต่ที่ชื่อโกคูเพราะปู่ตั้งชื่อให้ โกคูได้ช่วยปกป้องโลกเอาไว้หลายครั้งแล้วจากการทำลายโลกของฝ่ายร้าย เช่นราดีซ นัปปะ ฟรีซเซอร์ กีนิว มนุษย์แปลง เซล บู โกคูชอบกินข้าวในปริมาณมาก และจะหิวบ่อย เป็นคนที่อารมณ์ดีไม่ชอบทะเลาะ ต่างกับเบจิต้ามาก และโกคูได้ไปเรียนฝึกวิชากับผู้เฒ่าเต่าเป็นลูกศิษย์คนที่ 3 ต่อจาก ปู่ซุนโกฮัง และ ท่านราชาปีศาจวัว หรือ งิวมาโอและอีกอย่างหนึ่งภาคGTโกคูได้แปลงร่างเป็นขั้น4คือร่างสุดยอดของโกคูภาคGT และเขาสู้จนถึงที่สุด กับเทพเจ้ามังกร และเขาก็ปราบกับเทพเจ้ามังกรได้เป็นเพราะว่าเข้าใช้บอลเกงกิ เมื่อเทพมังกรที่ชั่วร้ายได้ตายไป เทพเจ้ามังกรก็ออกมาแล้วก็ให้ โกคู ขึ้นหลัง ร่องลอยไปบนท้องฟ้า ดราก้อนบอลทั้ง 7 ก็ได้เข้าไปอยู่ในตัวของ โกคู หลังจากนั้น เมื่อนักรบทุกคนตายหมด เหลือแต่เพียง โกคู ผู้สืบทอดมาจาก โกคู คนแรก และก็ หลาน ปัง หรือแพน นั้นเอง แพนก็ล้มป่วย โกคู สึ่งได้ยินย่าย ปัง บอกเอาไว้ว่า ดราก้อนบอล สารารถขอพรได้หนึ่งข้อตามคำขอ โกคู ก็เลยออกเดินทางไปที่ภูเขา เปาสึ เพื่อหาดราก้อนบอล เมื่อไปถึงก็เจอกับ อุปสรรคต่างๆ จนได้เจอกับ โกคู คนเเรกหรือ ปู่ของปู่ แล้ว โกคู คนแรกก็หายไป ย่ายปังก็มารับ โกคู กลับบ้าน โกคู กลายเป็นสุดยอดนักรบในตำนาน ที่เก่งที่สุดใน จักรวาล

เบจิต้า
เบจิต้า(ญี่ปุ่น: ベジータ; อังกฤษ: Vegeta) หรือ เบจีต้า เป็นเจ้าชายแห่งดาวเบจีต้า พ่อเป็นราชาแห่งดาวเบจีต้าจึงถูกเรียกว่าเจ้าชายเบจีต้า เบจีต้าได้รอดจากการถูกทำลายดาวของเจ้าจักรวาลฟรีซเซอร์เพราะฟรีซเซอร์ต้องการเก็บไว้ใช้งานเพื่อหวังใช้เป็นกำลังในการครอบครองจักรวาล แต่ด้วยนิสัยที่ยิ่งทรนงในตัวเองสูงจึงได้หักหลังต่อฟรีซเซอร์ในภายหลัง สู้กับโงกุนครั้งแรกที่โลก สู้จน แพ้ สุดท้าย ได้เป็นพวกโงกุน ได้เมีย ชื่อว่า บูลม่า มีลูก ชื่อ ทรั้ซง

พิคโกโร่
เกิดมาจากใข่ของราชาปีศาจพิคโกโร่(ผู้เป็นพ่อ)ตอนที่ราชาปีศาจพิโกโร่สู้กับ โกคู เมื่อใกล้จะแพ้ก็ได้คายใข่ออกมา เป็นมาร จูเนียร์ (พิคโกโร่)เมื่อโตขึ้นก็ได้ไปต่อสู้กับ โกคู ที่ศึกชิงเจ้ายุธภพ พิคโกโร่มีชีวิตเดียวกับพระเจ้าหากคนใดคนหนึ่งตายอีกคนก็จะต้องตายด้วย รวมทั้งถ้าพระเจ้าตายดรากอนบอลก็จะหายไปด้วย แต่ต่อมาในภาคของมนุษย์ดัดแปลงหมายเลข 16,17,18 พิคโกโร่ และพระเจ้าได้รวมร่างกันอีกครั้งโดยหวังเพิ่มพลังเพื่อเอาชนะมนุษย์ดัดแปลง พิคโกโร่ เองยังเป็นอาจารย์ผู้สอนวิชาการต่อสู้ให้กับ ซุนโกฮัง ลูกชายของ โงกุน ในวัยเด็กอีกด้วย และในภาค z ก็เป็นอาจารย์สอนฟิวชั่นให้กับโกเท็นลูกชายคนที่สองของโกคู กับทรังคซ์ลูกชายคนแรกของบลูม่ากับเบจิต้า เพื่อเพิ่มพลังไปสู้กับจอมมารบู

ฟรีเซอร์
ฟรีเซอร์ (ญี่ปุ่น: フリーザ; อังกฤษ: Freeza) เป็นสัตว์ประหลาดที่ระเบิดดาวเบจิต้าเพราะกลัวว่าจะมีชาวไซย่าที่สามารถแปลงร่างเป็นซุปเปอร์ไซย่ามากำจัดตน เป็นผู้มีความทะเยอทะยานอยากจะเป็นอมตะและครองจักรวาล มีนิสัยชอบสะสมลูกน้องที่เก่งๆ และเป็นหัวหน้าเหล่าวายร้ายที่มีพลังร้ายกาจสุดจะหยั่งถึง ทั้งยังมีความสามารถในการแปลงร่างเพื่อเพิ่มพลังยุทธได้ถึง3ครั้งเพราะฟรีเซอร์จะต้องการดราก้อนบอลเพื่อเอามาครอบครองจักรวาล แต่สุดท้ายก็ต้องมาพบกับซุนโงกุนที่แปลงร่างเป็นซุปเปอร์ไซย่าจัดการลงที่ดาวนาแมค บ้านเกิดของพิคโกโร่(แต่โงกุนเล่นงานฟรีซเซอร์แค่บาดเจ็บ ไม่ได้จัดการทิ้ง) เมื่อกลับไปพักรักษาตัวจนหายดีก็ได้เดินทางมาที่โลกมนุษย์พร้อมกับพ่อ(ราชาโกลด้า)เพื่อที่จะมาแก้แค้นกับโงกุน แต่โงกุนยังเดินทางไม่ถึงโลก(เพราะยานอวกาศของโงกุนเดินทางช้ากว่า) เมื่อฟรีเซอร์มาถึงเขาก็เริ่มที่จะวางแผนยึดครองดาวโลกพร้อมกับตามหาโงกุน แต่โชคร้ายที่เขาต้องถูกทรังคซ์จัดการลงพร้อมกับพ่อของเขา

ขอบคุณที่มาhttp://guru.google.co.th/guru/thread?tid=28dd97e8b84e039c&pli=1

วันอังคารที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ประวัติการ์ตูน ONEPIECE

  ประวัติวันพีช



วันพีช เป็นเรื่องในยุคของโจรสลัดและฝ่ายทหารเรือ เพื่อค้นหา สมบัติที่เรียกว่า “วันพีซ” โดยผู้ที่มีวันพีซอยู่นั้นคือเจ้าแห่งโจรสลัด โดยผู้ที่เคยครอบครองวันพีซนั้นมีอยู่คนเดียวตามที่เปิดเผยมาคือ เจ้าแห่งโจรสลัด โกลด์ ดี โรเจอร์

  มังกี้ ดี ลูฟี่ ลูกชายของนักปฏิวัติ มังกี้ ดี ดราก้อน ได้พบกับ โจรสลัด แชงคูส(ตอนนี้เป็น 1 ใน 4 จักรพรรดิ) และเผลอไปกิน ผลปีศาจ ทำให้ร่างกายมีคุณสมบัติเป็นยาง โดยข้อแม้ของผู้กิน ผลปีศาจ จะโดนทะเลรังเกียจ ไม่สามารถว่ายน้ำได้และหมดพลังที่ได้รับมา ลูฟี่ได้เริ่มต้นการผจญภัยออกเรือเดินทางไปทะเลแกรนด์ไลน์ โดยใช้เรือ ชื่อ โกอิ้งแมรี่ และรวบรวมลูกเรือ คือ โรโรโนอา โซโล นามิ อุซป ซันจิ โทนี่ โทนี่ ช็อปเปอร์ นิโค โรบิน แฟรงกี้ บรู๊ค พวกลูฟี่ได้แล่นเรือจากอิสท์ บลูเข้ามาในแกรนด์ไลน์และโดยใช้ล็อกโพส อุปกรณ์นำทางในการเดินเรื่องเพื่อค้นหาสมบัติตามเกาะต่างๆ ทั้ง อาณาจักรดรัม อาณาจักรทะลทรายอลาบาสต้า หรือแม้แต่ จายา เกาะแห่งท้องฟ้าสกายเปีย และต้องผ่านด่านของ ลองริง ลองแลนด์ จนได้เดินทางมาถึง วอเตอร์เซเว่น เพื่อสร้างเรื่อลำใหม่เทาซันต์ซันนี่ โดยนักต่อเรือแห่ง วอเตอร์เซเว่น และรับลูกเรือ [[แฟรงกี้]

หลังจากเดินทางออกมาจาก วอเตอร์เซเว่น ก็เข้ามาใน ฟลอเรี่ยน ไทรแองเกิ้ล หมอกที่ไม่มีวันจาง ต้องหนีออกจาก เรือของ เจ็ดเทพโจรสลัด เก็กโค โมเรีย ที่มีชื่อว่า ทริลเลอร์ บาร์คและรับลูกเรือ บรู๊ค จนสามารถเดินทางต่อไปยังหมู่เกาะชาบอนดี้ (ซึ่งผู้ที่จะไปโลกใหม่นั้นจะต้องมาเคลือบเรือที่นี่ก่อนแล้วจึงเดินทางไปเกาะเงือกเพื่อที่จะไปยังอีกฝั่งของ เรดไลน์ ที่กั้นอยู่) ได้ถูก เจ็ดเทพโจรสลัด บาโซโลมิว คุมะ แยกกลุ่มโจรสลัดหมวกฟางออกจากกัน และกระจายออกไปยังเกาะต่างๆ ซึ่งในขณะเดียวกันได้มีการประกาศวันประหาร โปโตกัส ดี เอส ลูฟี่จึงต้องไปช่วยเอสที่คุก อิมเพลดาวน์ โดยได้รับการช่วยเหลือจาก จักรพรรดินีโจรสลัด โบอา แฮนค็อก ให้เข้าไปข้างในได้ หลังจากนั้นเมื่อเข้าไปในได้ แต่พบว่าเอสได้ถูกนำตัวไปแล้ว ลูฟี่จึงตามไปที่ศูนย์บัญชาการหลักกองทัพเรือพร้อมกัน อีวานคอฟ(ราชินีกระเทยเพื่อนของดราก้อน) บากี้ จินเบ(7เทพโจรสลัด) ครอกโคไดล์ Mr.1 Mr.2 Mr.3 เพื่อช่วยเอสพร้อมกับกลุ่มโจรสลัดหนวดขาว หลังจากนั้นก็ช่วยเอสได้ แต่เอสก็ตายเพราะเอาตัวไปบังลูฟี่เพื่อปกป้องลูฟี่จากการโจมตีของ อาคาอินุ(1ใน3พลเอก) หลังจากนั้น ลูฟี่เสียใจมากที่เอสตาย แต่พอได้รับการเตือนสติจากจินเบว่ายังมีพวกพ้องอยู่ ลูฟี่จึงส่งข่าวผ่านทางหนังสือพิมพ์โดยใช้รหัสลับ ว่าให้พบกันในอีก 2 ปี ที่หมู่เกาะ ชาบอนดี้ แล้วทุกคนก็เริ่มฝึกเพื่อพัฒนาฝีมือในการเข้าสู่โลกใหม่ หลังจากผ่านไป 2 ปี กลุ่มโจรสลัดหมวกฟางได้มาพบกันอีกครั้ง แล้วมุ่งลงสู่เกาะเงือก


ขอบคุณที่มาhttp://cartoon-za.exteen.com/one-piece.

ประวัติการ์ตูนอิคคิวซัง

ประวัติอิคคิวซัง 





   อิ๊กคิวซังมีชื่อในวัยเด็กว่า "เซนงิกามารุ" เกิด 1 ม.ค. ค.ศ.1349 หรือ พ.ศ.1892 เมืองซะกะโน ใกล้เมืองเกียวโตพ่อเป็นจักรพรรดิฝ่ายเหนือ แม่เป็นเจ้าหญิงในราชวงศ์ฝ่ายใต้ซึ่งถูกขับจากวังตั้งแต่อิ๊กคิวซังยังไม่คลอดเพราะถูกฝ่ายตรงข้ามใส่ร้ายป้ายสี ต่อมาทรงให้อิ๊กคิวซังบวชที่วัดอังโกะกุจิตอนอายุได้ 6 ขวบ เพื่อหนีภัยการเมืองได้ฉายาว่า "ชูเคน"ท่านตั้งอกตั้งใจศึกษาพระธรรม ความเจ้าปัญญาฉายแววขึ้นตามอายุในวัยประมาณ 10 ขวบ อิ๊กคิวซังแต่งกลอนวิพากษ์วิจารณ์ความประพฤติที่ไม่เหมะสมของพระภิกษุนิกายหนึ่งที่กอบโกยทรัพย์สินยศฐาบรรดาศักดิ์บนความทุกข์ยากของชาวบ้าน
พออายุ 13 ปี มีโอกาสเข้าพบแม่ทัพใหญ่ชื่อ "อาซิคะงะโยชิมิสึ"หรือ "ท่านโชกุน" ในการ์ตูน
อายุได้ 17 ปี อิ๊กคิวซังได้ออกจากวัดอังโกะกุจิฝากตัวเป็นศิษย์ของ "หลวงพ่อเคนโอ"ที่วัดไซกอนจิ
ได้ฉายาว่า "โชจุน" ที่วัดแห่งนี้หลวงพ่อเคนโอเน้นการปฏิบัติโดยต้องทำงานอย่างหนักและต้องอยู่กับสิ่งสกปรกเสียเป็นส่วนใหญ่ต่อมาหลวงพ่อมรณภาพอิ๊กคิวซังจึงเดินทางไปวัด"อิชิยามา" อดอาหาร 7 วัน 7 คืนสวดมนต์อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้อาจารย์ต่อหน้าพระโพธิสัตว์ด้วยความเสียใจนี้เอง จึงคิดฆ่าตัวตายระหว่างที่เดินลงไปแม่น้ำเซตะ อิ๊กคิวซังจึงอธิษฐานจิตว่า
"ถ้าพระโพธิสัตว์ต้องการให้ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่ก็ขอให้ข้าพเจ้าฆ่าตัวตายไม่สำเร็จ
แต่หากชีวิตข้าพเจ้าไร้ซึ่งคุณค่าเสียแล้ว ข้าพเจ้าขออุทิศสังขารให้เป็นอาหารของปลาและสัตว์น้ำ"
ระหว่างที่ดิ่งลงในท้องน้ำ อิ๊กคิวซังก็นึกถึงหน้าท่านแม่และคำสอนขึ้นมาทันใด"เป็นลูกผู้ชายต้องไม่ย่อท้อ"อิ๊กคิวซังจึงตะเกียกตะกายกลับขึ้นฝั่งหลังจากนั้นท่านอายุได้ 23 ปี ไปฝากตัวเป็นศิษย์ของหลวงพ่อ"คะโซ"แห่งวัดโคอันซึ่งเป็นพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์แต่พอใจที่จะใช้ชีวิตอย่างสมถะและพอใจในวัตรปฏิบัติอย่างเคร่งครัดและหนักหน่วงอิ๊กคิวซังต้องทำงานทั้งวัน และปฏิบัติอย่างหนักหน่วง นอกจากใช้แรงงานในวัดแล้วอิ๊กคิวซังยังต้องสานรองเท้า เย็บเสื้อผ้าตุ๊กตาผู้หญิง และออกไปขายแรงงานในหมู่บ้านละแวกนั้นซ้ำยังโดนพระรุ่นพี่ที่ไม่ชอบหน้ากลั่นแกล้ง ทำร้าย เตะต่อยอยู่เสมอแต่อิ๊กคิวซังก็อดทนในที่สุดความพยายามที่จะค้นหาสัจธรรมก็สำเร็จ

ขอบคุณที่มา http://www.thaidphoto.com

ประวัติการ์ตูน BEN10


ประวัติเบน 10


ในภาพยนตร์ Secret of the Omitrix ได้เปิดเผยว่าออมนิทริกซ์ถูกสร้างโดยแอซมัท (ชนเผ่ากัลวิ่น) โดยมีผู้ช่วยชื่อไมแอกซ์ (ชนเผ่า Chimera Sui Genesis (บ้านเกิดของวิวแก็กซ์)) มีเอเลี่ยนในออมนิทริกซ์มากว่า 1 ล้านตัว แต่มีอยู่ 1,000,903 ตัว ที่พร้อมใช้ โดยจุดประสงค์ในการสร้างก็เพื่อให้ผู้สวมใส่สามารถเปลี่ยนร่างเป็นเอเลี่ยนพันธุ์อื่นๆ เพื่อใช้เชื่อมความสัมพันธุ์กันระหว่างเอเลี่ยนแต่ละพันธุ์ ในตอน War of the worlds:Part 1 ในเบ็นเท็น: พลังเอเลี่ยน แอสมัสได้กล่าวไว้ ที่จริงออมนิทริกซ์เปรียบเสมือนเรือโนอาร์ และออมนิทริกซ์ถูกสร้างขึ้นเพื่อไม่ให้เผ่าพันธุ์ต่างๆในจักรวาลสูญพันธุ์ไปเพราะไฮบรีด

ลักษณะเฉพาะ

ออมิทริกซ์มีลักษณะทรงกระบอกคล้ายๆกับกำไลข้อมือ มีหน้าปัดที่มีสัญลักษณ์คล้ายๆกับนาฬิกาทรายอยู่ตรงกลาง และมีปุ่มรอบๆอยู่สี่ปุ่ม เมื่อถูกใช้งานสัญลักษณ์ตรงกลางจะถูกเปลี่ยนเป็นสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดและจะมีเงาของเอเลี่ยนอยู่ข้างใน โดยเมื่อถูกใช้งานโดยกดปุ่มทั้งสองข้าง หน้าปัดจะถูกยกขึ้นและผู้ใช้สามารถหมุนเพื่อเลือกเอเลี่ยนได้ตามต้องการ และเมื่อกดมันกลับคืนก็จะสามารถเปลี่ยนผู้ใช้เป็นเอเลี่ยนตัวนั้นๆได้ ปุ่มสี่ปุ่มที่อยู่รอบๆหน้าปัดทำหน้าที่เป็นตัวใส่รหัส และเมื่อใส่ถูกต้องก็จะสามารถปลดล๊อคเอเลี่ยนพันธุ์ใหม่ออกมา ออมิทริกซ์มีสีการทำงานห้าสี คือ สีเขียวหมายถึงพร้อมใช้งาน สีแดงหมายถึงอยู่ในระหว่างชาร์จพลังงาน สีเหลืองหมายถึงกำลังเพิ่มเอเลี่ยนพันธ์ใหม่เข้าไปในออมิทริกซ์ สีส้มหมายถึงออมนิทริกซ์เปิดระบบทำลายตนเอง (ตอนแรกจะปรากฏสีส้มบริเวณขอบของหน้าปัดรูปนาฬิกาทรายก่อน แล้วจะค่อยๆเพิ่มมาเรื่อยๆตามเวลา เวลาจะเพิ่มเร็วขึ้นเมื่อมีการแปลงร่าง) และสีน้ำเงินหมายถึงออมิทริกซ์กำลังแปลงสภาพ (จะปรากฏขึ้นในภาคเบ็นเท็น: พลังเอเลี่ยน)
ขอบคุณที่มาhttp://wipadasangsuwan.wordpress.com

วันพฤหัสบดีที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ประวัติการ์ตูนชินจัง

ประวัติชินจัง

ชินจัง


  โนะฮาร่า ชินโนซึเกะ (อายุ 5 ปี) ตัวละครเอกของเรื่อง มีนิสัยเจ้าชู้ แก่แดด กะล่อน ชื่นชอบสาวสวยหุ่นดีคล้ายฮิโรชิ หาเรื่องป่วนได้ทุกเวลา มีปัญหาเรื่องออกเสียงและการใช้ภาษาอย่างผิดหลักไวยากรณ์ กระนั้นก็ยังพูดจาฉะฉาน ใช้คำพูดเกินเด็ก แทงใจดำคน อ่านใจคนเก่งมาก (ดังพบเห็นได้จากการไปห้างสรรพสินค้า ที่มักจะรู้เล่ห์กลของพนักงานขาย) แต่แท้จริงแล้วเป็นคนที่รักครอบครัวและคนรอบข้างอยู่ ที่สำคัญกว่านั้นสิ่งที่ไม่มีใครพูดถึง คือ ความมีนำใจของชินจัง มีความเฉลียวฉลาด กล้าหาญ คิดดีทำดี และสุดท้ายเป็นคนเห็นอกเห็นใจผู้อื่นแถมยังชอบช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนด้วย (ความสามารถพิเศษของชินจังคือ มีปฏิกิริยาตอบโต้กับสาวสวยรวดเร็ว ลอกเลียนแบบเก่ง ทำเครื่องแต่งกายเก่ง และเต้นเก่ง)

โนะฮาร่า ฮิมาวาริ (วัยคลาน) น้องสาวของชินโนซึเกะ มีนิสัยคล้ายมิซาเอะ ชื่นชอบเครื่องประดับและดาราหนุ่มหล่อ ชื่อของฮิมาวาริมาจากการเลือกชื่อโดยการใช้เครื่องบินกระดาษ โดยคำว่า ฮิมาวาริ มาจากชื่อห้องเรียนที่ชินโนซึเกะเรียนอยู่
โนะฮาร่า มิซาเอะ (อายุ 29 ปี) แม่ของชินโนซึเกะ ชอบใส่กางเกงในสีใส ขนหน้าแข้งดก ท้องลาย ทำให้ถูกชินโนซึเกะนำไปล้อเสมอ
โนะฮาร่า ฮิโรชิ (อายุ 35 ปี) พ่อของชินโนซึเกะ มีอาชีพเป็นพนักงานบริษัท แอบเจ้าชู้และชอบกินเบียร์ เลี้ยงดูชินโนซึเกะแบบเพื่อน
เจ้าขาว(ชีโร่) สุนัขที่ถูกทิ้ง ซึ่งชินจังนำมาเลี้ยง แต่มักจะไม่ได้รับการเอาใจใส่จากชินจังเท่าที่ควร
ซา กุราดะ เนเน่ มีชื่อเล่นว่า เนเน่จัง เป็นเด็กสาวในกลุ่มของชินโนซึเกะ มีนิสัยขี้โมโห แต่ซ่อนไว้โดยการทำนิสัยน่ารัก ชอบเล่นพ่อแม่ลูกเป็นชีวิตจิตใจ เนเน่จังจะต่อยตุ๊กตากระต่ายตัวเล็กเป็นการระบายอารมณ์ ซึ่งเลียนแบบมาจากคุณแม่ของเนเน่จังนั่นเอง
โทโอรุ คาซาม่า มีชื่อเล่นว่า คาซาม่าคุง เป็นเด็กที่เกิดมาในครอบครัวที่ยุ่งอยู่กับธุรกิจ จึงทำให้คาซาม่าคุง มีนิสัยขี้โอ่ ชอบอวดร่ำอวดรวยในบางครั้ง และยังติดแม่มาก แต่เป็นเด็กเรียนดีของห้อง มักถูกชินโนซึเกะแซวเล่นและคอยปั่นป่วนตลอดเวลา เลยทำให้ไม่กล้าเปิดเผยความชอบส่วนตัวสักเท่าไหร่ เกรงจะถูกชินโนซึเกะเอาไปล้อ จริง ๆ แล้วเป็นเพื่อนที่สนิทกับชินจังมาก
ซา โต้ มาซาโอะ มีชื่อเล่นว่า มาซาโอะคุง เป็นเด็กผมโล้น มีนิสัยขี้ระแวง ขี้แย อ่อนแอ ถูกหลอกง่ายจึงมักถูกเพื่อนๆลากไปสร้างวีรกรรมเสมอๆ มักถูกเด็กประถมรังแกบ่อยครั้ง มีฉายาว่า หัวข้าวปั้น หลงรักไอย์จังอย่างโงหัวไม่ขึ้น
โบจัง เป็นเด็กที่พูดน้อยและตัวสูงที่สุดในกลุ่ม ลักษณะเด่นคือ มีน้ำมูกไหลย้อยตลอดเวลาและพูดแค่คำว่า "โบ" มีความลับอยู่ในเรื่องครอบครัว เพราะไม่ปรากฏพ่อแม่โบจังเลย (มีตอนที่กลุ่มชินจังพยายามตามสืบหาพ่อแม่ของโบจัง แต่ไม่สำเร็จ) มีความเก่งด้านศิลปะเชิงนามธรรม ได่รับรางวัลประกวดวาดภาพหลายครั้ง เช่น หัวใจของอีกา
ซึโอโตเมะ ไอย์ มีชื่อเล่นว่า ไอย์จัง เป็นคุณหนูลูกเศรษฐี เป็นทั้งเพื่อนและคู่กัดของเนเน่จัง ปรากฏตัวในหนังสือการ์ตูนเล่มที่ 16 มักจะชอบพูดจาเกี่ยวกับเรื่องฐานะ ซึ่งทำให้มีปัญหากับเนเน่จังอยู่บ่อยครั้ง หลงรักชินโนะซึเกะมาก มีความสามารถพิเศษในการจัดงานต่างๆ(โดยใช้บอดี้การ์ด) และทำให้เด็กผู้ชายคนอื่นๆตกหลุมรักได้ (ยกเว้นชินจัง)

ขอบคุณที่มาhttp://www.dekying.com

ประวัติการ์ตูน CONAN


ประวัติโคนัน










คุโด้จิ ชินอิ
เกิดวันที่                        : 4 พฤษถาคม
อายุ                             : 16 ปี
ที่อยู่                            : บ้านคุโด ที่เขต 2
สถานศึกษา                   : ชั้นม. 5 โรงเรียนมัธยมเทตัน
ความสามารถพิเศษ         : ฟุตบอล การสืบสวนสอบสวน
ความไม่สามารถพิเศษ      : ดนตรี การร้องเพลง
สิ่งที่คลั่งไคล้                 : เชอร์ล็อค โฮม ( อย่างมากที่สุด )
คนที่แอบหลงรัก            : รัน

     นักสืบมัธยมปลายอายุ 17 ปี เป็นลูกชายของคุโด้ ยูซากุ และฟุจิมิเนะ ยูกิโกะ พ่อแม่ไปอยู่ที่ LA ส่วนเขาก็อยู่ที่ญี่ปุ่นคนเดียวตั้งแต่อายุ14ปี ชินอิจิเป็นคนฉลาดมีไหวพริบ ช่างสังเกต มีความมั่นใจในตนเองเขามีความสามารถพิเศษหลายอย่างเช่น เล่นฟุตบอล ยิงปืน ขับเฮลิคอปเตอร์ รันเคยบอกว่าถ้าเขาไม่เลิกเล่นฟุตบอลคงได้เป็นนักกีฬาไปแล้ว แต่ชินอิจิบอกว่าต้องการฝึกเพื่อเป็นทักษะของนักสืบเท่านั้น ชินอิจิไม่ชอบลูกเกดแต่ชอบเลมอนพายมากสิ่งที่แย่มากๆก็คือชินอิจร้องเพลงไม่เก่ง       
    ชินอิจิ นักสืบมัธยมปลายผู้โด่งดังในฐานะผู้ช่วยตำรวจไขความสว่างในคดีซับซ้อนหลายต่อหลายคดี เติบโตขึ้นมาในบ้านหลังเบ้อเริ่มที่เต็มไปด้วยนิยายนักสืบ มียูซากุ ผู้เป็นพ่อ เป็นนักเขียนนิยายนักสืบฝีมือดี และแม่ ยูกิโกะ เป็นดาราสาวสวย แถมความเก่งกาจในการสืบสวนยังทำให้ชินอิจิเป็นที่คลั่งไคล้ของสาวๆ หลายคน นับว่าชีวิตของชินอิจิเป็นที่น่าอิจฉาของหนุ่มๆ เป็นอย่างยิ่งบรรดานิยายนักสืบจากทั่วโลกกองโตที่อยู่ในบ้านยังทำให้ชินอิจิซึมซับเอาความเก่งกาจของเหล่านักสืบทั้งหลายเข้าไป และยังทำให้เขารักที่จะสืบสวน แก้ปมปริศนาลึกลับ และฝันที่จะเป็นนักสืบตั้งแต่เด็กๆ สังเกตได้จากการที่เขาเล่นฟุตบอลเพื่อเป็นพื้นฐานนักสืบ แถมตอนเด็กๆ ชินอิจิยังชอบชวนรันไปเล่นนักสืบด้วยกัน นักสืบที่ชินอิจิชื่นชม เพราะว่าเล่นมาด้วยกันตั้งแต่เล็กๆ ชินอิจิจึงรู้สึกสนิทสนมกับรันมากพอที่จะล้อเล่นกับท่าคาราเต้ของรันได้ แต่ตอนนี้ความรู้สึกสนิทสนมคุ้นเคยก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปอีกแนวหนึ่ง แต่ชินอิจิก็ไม่เคยบอกรันจริงๆ ว่าเขารู้สึกอย่างไรบ้าง จนหลังจากการ "หายตัวไป" ของชินอิจิ ชินอิจิ
(ในร่างโคนัน) จึงได้เข้าใจถึงความรู้สึกที่แท้จริงของรัน...แต่ก็สายไปซะแหล่ว

ขอบคุณที่มาhttp://club.myfri3nd.com

ประวัติ MICKEYMOUSE

ประวัติมิกกี้เมาส์


มิคกี้ เมาส์เปิดตัวในโลกของการ์ตูนครั้งแรกในปี 1930 เป็นตัวการ์ตูนซึ่งมี บุคลิกที่มีความอดทน อดกลั้น มีความฉลาดหลักแหลม มองโลกในแง่ดี และกล้าหาญ ที่สำคัญมิคกี้มีสัญชาตญาณพิเศษในเรื่องของการสืบสวนสอบสวน และด้วยบุคลิกที่โดดเด่นในแง่นี้เองทำให้ตัวการ์ตูนตัวนี้ชอบที่จะใช้เหตุผลเพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ โดยไม่ต้องใช้กำลังเข้าสู้ เช่นการชนะศัตรูที่มีร่างกายที่แข็งแรงกว่ามิคกี้มาก

การผจญภัยของมิคกี้ เมาส์มีมากมายหลายตอน ได้แก่ มิคกี้ เม้าส์กับความลี้ลับของจุดดำ, มิคกี้ เมาส์
ราชาแห่งหนู, มิคกี้ เมาส์นักหนังสือพิมพ์, มิคกี้ เมาส์และความลี้ลับของชายในสายหมอก, มิคกี้ เมาส์กับปีศาจกอริลล่า,มิคกี้ เมาส์ยุคหิน ฯลฯ สำหรับเรื่องการแต่งตัวที่ดูทันสมัยของมิคกี้ เมาส์ในบางครั้งก็จะสวมใส่กางเกงขายาวสีแดง เสื้อถักรัดรูปสีน้ำเงินซึ่งมีแขนเสื้อสั้น ถุงเท้าและถุงมือเป็นสีเหลืองเข้าชุดกัน ในปี 1940 มิคกี้ เมาส์ ได้รับขนานนามจาก นักวิจารณ์ ภาพยนตร์ว่าเป็นการ์ตูนที่ได้รับความชื่นชอบมากที่สุดใน ยุคนั้น เพราะเป็นการ์ตูนที่เต็มไปด้วยจินตนาการ

ตัวการ์ตูนอีกตัวหนึ่งซึ่งถือว่าเป็นเพื่อนสนิทของมิคกี้ก็คือ กุฟฟี่ ซึ่งเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด
ซึ่งมักจะติดตามมิคกี้ไปทุกๆที่ ในอเมริกาเรียกกุฟฟี่ว่า กูฟี่ ซึ่งชื่อนี้มีความหมายว่าตัว ตลก และความสนุกสนาน จากชื่อนี้ เองสามารถเดาถึงบุคลิกลักษณะนิสัยของกุฟฟี่ได้ ในความเป็นจริงแล้วกุฟฟี่จะมีบุคลิกที่ตรงกันข้ามกับมิคกี้ ซึ่งกุฟฟี่จะคอย กวนใจมิคกี้บ่อยครั้ง ตามประวัติแล้วกุฟฟี่จะคอยสร้างความครื้นเครงให้ผู้อื่น โดยการทำฟองสบู่ ในขณะที่มิคกี้รู้สึกท้อแท้ช่วย ให้มิคกี้คลายความเศร้าได้ กุฟฟี่ถูกสร้างขึ้นปี 1932 ในการ์ตูนเรื่องมิคกี้ เมาส์ กุฟฟี่จะแต่งกายด้วยชุดสีแดงคล้ายกับชุดนอน  และสวมเสื้อคลุมไม่มีแขนสีฟ้า กุฟฟี่จะเปลี่ยนเป็น ซุปเปอร์กูฟ หลังจากที่ได้รับประทานถั่วชนิดพิเศษเข้าไปซึ่งถั่วดังกล่าวจะปลูกอยู่ในสวนภายในถ้วยใบหนึ่ง เมื่อทานถั่วเข้าไปแล้วกุฟฟี่จะมีพลังเหมือนกับซุปเปอร์แมนมีกำลังมหาศาล สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว


ขอบคุณที่มาhttp://mookyossaya.myfri3nd.com





ประวัติการ์ตูน STITCH

การ์ตูน STITCH



   ชีวิต มีความท้าทายรออยู่สำหรับ ลีโล่ เด็กหญิงเหงาๆ ชาวฮาวาย ที่ใช้ชีวิตอยู่กับพี่สาววัย 19 ชื่อ นานี่ สาวน้อยทั้งสองดิ้นรนต่อสู้เลี้ยงดูตนเองแต่อะไรๆ ไม่ได้ดำเนินไปอย่างสวยงามนัก เมื่อ คอบร้า บับเบิลส์ นักสังคมสงเคราะห์จอมเครียดแวะมาเยี่ยม เขาก็พบสองสาวพี่น้องกำลังทะเลาะกันอย่างรุนแรง เขาจึงเตือนนานี่ว่า เธอมีเวลาเหลืออีกแค่ 3 วันเท่านั้น ในอันที่จะพิสูจน์ตัวเองว่า เหมาะสมแก่การทำหน้าที่ดูแลลีโล่ได้ หาไม่แล้วสถานการณ์ในบ้านหลังนี้ จะต้องเปลี่ยนแปลงแน่นอน และแล้วในเย็นวันนั้น ลีโล่ก็เห็นดาวตกผ่านหน้าต่างห้องนอน เธอจึงอธิษฐานขอ "ใครซักคนก็ได้มาเป็นเพื่อน ใครซักคนที่จะไม่วิ่งหนีหนูไป" ก่อนเสริมด้วยว่า "ท่านส่งเทวดามาให้หนูก็ได้ เทวดาที่น่ารักที่สุดที่ท่านมีอยู่น่ะค่ะ"
แต่ ในความจริง ดาวตกดวงนั้นคือยานอวกาศของ สติทช์ สิ่งมีชีวิตประหลาด (ที่รู้จักกันในชื่อ "การทดลอง 626") ซึ่งเพิ่งหนีมาจากดาวทูโร่ นักวิทยาศาสตร์ชื่อ จัมบ้า ผู้สร้างมันขึ้นมาพูดถึงสติทช์ว่า เป็นอะไรที่ "กันกระสุน กันไฟ และคิดได้เร็วยิ่งกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ซะอีก มันมองเห็นได้ในความมืด และยกวัตถุอะไรๆ ที่ใหญ่โตกว่าตัวมันถึง 3 พันเท่าได้ สัญชาตญาณอย่างเดียวของมันก็คือ.. ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่มันสัมผัส" ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ไม่น่าประทับใจเอาเสียเลย ในสายตาของสมาชิกสภาหญิง แห่งสหพันธ์กาแล็กติค เธอจึงจับจัมบ้าเข้าคุก และพิพากษาให้ส่งตัวสติทช์ ไปยังดาวเคราะห์น้อยไกลลิบ แต่ก่อนที่กัปตันแกนทู จะลงมือกำจัดสติทช์ตามคำสั่ง มันก็ขโมยยานของตำรวจ และบังคับให้พุ่งด้วยความเร็วสูง หนีมายังโลกได้ทันเวลา สมาชิกสภาไม่มีทางเลือกอื่นอีก จึงต้องเสนอว่า จะปล่อยตัวจัมบ้าเป็นอิสระ หากเขาตามจับสติทช์กลับมาได้ และเพื่อจะคอยควบคุมปฏิบัติการของจัมบ้าไว้ ไม่ให้คลาดสายตา เธอจึงส่ง พลีคลี่ย์ เอเลี่ยนผู้สนใจศึกษาโลกมนุษย์เป็นพิเศษ และมีสามขากับตาหนึ่งข้างให้ติดตามมาด้วย (โดยความรู้ทั้งมวลที่พลีคลี่ย์มีเกี่ยวกับโลกนั้น ได้มาจากการดูภาพใน View-master® ล้วนๆ )
ฝ่ายสติทช์นั้นบังคับยานมาถึงโลก และเคราะห์ร้ายดิ่งเข้าใส่รถบรรทุกน้ำตาลทรายเต็มเปา เมื่อฟื้นขึ้นมาอีกทีก็พบว่า ตัวเองอยู่ในบ้านดูแลสัตว์หลังหนึ่ง และฉายแววเสน่ห์น่ารักเข้าตา จนลีโล่เก็บมันไปเลี้ยง (พร้อมกับตั้งชื่อให้ว่า สติทช์) ทักษะสุดล้ำหน้า ทำให้มันสามารถเก็บซ่อนแขนขาพิเศษ (จาก 6 เหลือ 4 ข้าง), เสาอากาศและเดือยบนหลังได้ เพื่อให้ตัวเองดูเหมือนหมาหน้าตาพิลึกๆ ตัวหนึ่ง แม้พี่สาวของลีโล่ และลูกจ้างบ้านดูแลสัตว์จะผวาหน้าตาของมัน แต่ลีโล่กลับหลงรักสติทช์ และยืนกรานจะนำกลับไปเลี้ยงที่บ้านให้ได้ ขณะที่สติทช์เองก็รู้ว่า ลีโล่กับนานี่มีที่คุ้มภัย ให้มันรอดจากเงื้อมมือชองจัมบ้ากับพลีคลี่ย์ได้ มันจึงยินดีที่จะถูกรับตัวไปเลี้ยง และทำตัว "ติดหนึบ" กับครอบครัวใหม่ของมันทันที


ขอบคุณที่มาhttp://guru.google.co.th

การ์ตูน KERORO

ประวัติ KERORO

Keroro Gunso (ケロロ軍曹 Keroro Gunsou, lit. Sergeant Keroro) หรือที่รู้จักในชื่อไทยว่า เคโรโระ ขบวนการอ๊บอ๊บป่วนโลก เป็นหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นของอาจารย์ มิเนะ โยชิซากะ Mine Yoshizaki ) ซี่งต่อมาได้ถูกทำเป็นซีรี่ย์ออกฉายทางทีวี โดย จูนิชิ ซาโตะ ( Junichi Sato ).
เคโรโระ ขบวนการอ๊บอ๊บป่วนโลก มีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับกลุ่มมนุษย์ต่างดาวที่นำโดย สิบโทเคโรโระ Sergeant Keroro ซี่ งได้รับคำสั่งจากดาวเคโรนให้มายีดครองโลก (ในเรื่องมนุษย์ต่างดาวตัวเล็กสีเขียวจะเรียกโลกของเราว่าโพโคเพน) อย่างไรก็ตามแผนการยึดครองโลกของเหล่ามนุษย์ต่างดาวทั้ง 5 ก็ต้องล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง เพราะได้กลายเป็นเพื่อนกับชาวญี่ปุ่นครอบครัวหนี่งในโตเกียว
มาพบกับโฉมหน้าของชาวเคโรนทั้ง 5 กันนะครับ
1. สิบโทเคโรโระ 
เป็นหัวหน้ากองร้อยที่พึ่งพาไม่ได้เอาเสียเลย
แล้วยังลืมหน้าที่ในการบุกยีดโลกอีกด้วย
ที่สำคัญ เจ้ากบตัวนี้ชื่นขอบการต่อกันพลา 
เอามากๆ เหมือนผมเลย

2. พลทหารทามามะ
           เป็นพลทหารที่หน้าตาน่ารักที่สุดเลย แต่ว่า   
           มีสองบุคลิกนะครับ เวลาโมโห จะน่ากลัวเอา
           มากๆ  เค้าชอบสิบโทเอามากๆ ชอบแวะมา
           เล่นด้วยบ่อยๆ โดยใช้ข้ออ้างว่ามาวางแผน
           ยีดครองโลกกัน
           
3. สิบตรีกีโรโระ
               เป็นทหารที่มุ่งมั่นในการทำภารกิจให้
               สำเร็จ และ เป็นมืออาชีพในด้านการต่อสู้
               มากที่สุดในกลุ่มชาวเคโรนทั้ง 5 
               นอกจากนี้ สิบตรีกีโรโระยังตกหลุมรัก
               นัทสีมิ (สาวน้อยตัวเอกของเรื่องอีกด้วย)
4. สิบเอกคุรุรุ
                     ยศเหนือกว่าสิบโทเคโรโระซะอีก แต่ไม่ได้
                     เป็นหัวหน้า เจ้าตัวนี้ประจำการอยู่ฝ่ายสื่อสาร
                     และวางแผนที่ คอยเป็นคนวางแผนต่างๆ
                     นิสัยพิเศษคือ ชอบเอาอัลบั้มลับของสาวๆมาแจก
                   
5. สิบจัตวาโดโรโระ
                สิบจัตวาตัวนี้เป็นนักลอบสังหารอวกาศ
                มีวิชาต่อสู้เหมือนนินจา มีอดีตที่น่าสงสาร
                คือเป็นเด็กที่ชอบถูกแกล้ง
                
 
 ขอบคุณที่มาhttp://muengthai.myreadyweb.com

ประวัติการ์ตูน DORAEMON

ประวัติ DORAEMON 
          



       อาบิโกะ โมโตโอ และ ฟูจิโมโต ฮิโรชิ ร่วมกันสร้างตัวการ์ตูน โดราเอมอน โดยใช้นามแฝงของ กลุ่มว่า ฟูจิโกะ ฟูจิโอะ เริ่มเขียนตั้งแต่ปี 1969-1970 จนถึงปี 1987 อาบิโกะหรือ " ฟูจิโกะ ฟูจิโอะ เอ " แยกตัวออกไป โดยให้เหตุผลว่า "เราแยกเพื่อไปตามทางของแต่ละคน แต่เราทั้งสองล้วนอยากสร้างการ์ตูนอันเดียวกัน"

     ฟูจิโมโต ฮิโรชิ หรือ "ฟูจิโกะ เอฟ ฟูจิโอะ" เป็นคนแรกที่คิดค้นเจ้า โดราเอมอนขึ้นมา ได้รับแรงบันดาลใจจากตุ๊กตาล้มลุกของลูกสาว บวกกับแมวจรจัดแถวบ้าน ผสมโรงกับจินตนาการเรื่องยานข้ามกาลเวลา ไทม์ แมชชีน และโดราเอมอนก็ถือกำเนิดในโลกหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นหรือที่เรียกว่า
" แมงงะ " (Manga)ปี1969

      หลังจากแยกทางกับอาบิโกะ เพื่อนคู่คิดแล้ว ฟูจิโมโต ยังคงเขียนการ์ตูนโดราเอมอนต่อในช่วงทศวรรษ 1990 ก่อนจะเสียชีวิตด้วยโรคตับล้มเหลวในวันที่ 23 กันยายน ปี 1996 ขณะวัย 62 ปี

     การ์ตูนโดราเอมอน ตีพิมพ์เป็นตอนๆ เริ่มปี 1970 ก่อนจะรวมเล่มในปี 1974 เป็นต้นมา ปัจจุบันมีการตีพิมพ์รวมเล่มติดต่อกันทั้งหมดประมาณ 45 เล่ม

     หุ่นยนต์จากโลกอนาคต ชื่อโดราเอมอน มาจากคำว่า โดราเนโกะ แปลว่า แมวหลงทาง เอมอน เป็นคำเรียกต่อท้ายชื่อของเด็กชายในสมัยก่อน โดราเอมอน เกิดขึ้นโดยความบังเอิญในขณะที่ ฮิโรชิ ฟูจิโมโต  กำลังจินตนาการสร้างการ์ตูนตัวใหม่ด้วยความลำบากและกดดันเนื่องจากเหลือเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงจะถึงกำหนดส่งต้นฉบับบังเอิญเหลือบเห็นตุ๊กตาของลูกสาว ทำให้นึกต่อไปถึงตุ๊กตา
แมวล้มลุกและกลายเป็นโดราเอมอนในที่สุด

    โดราเอมอนยังมีชื่ออีกชื่อหนึ่งว่า ดิ๊งด่อง เกิดเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2112  หนัก 129.3 กก. สูง 129.3 ซม. กระโดดได้สูง 129.3 ซม. และยังวิ่งได้เร็วถึง 129.3 กม. / ชม. โดราเอมอนรูปร่างเหมือนแมวตัวอ้วนกลมตัวหนึ่งถูกส่งมาเพื่อคอยช่วยเหลือโนบิตะของโปรดของ โดราเอมอนคือ ขนมแป้งทอด หรือ Doriyaki หนูเป็นศัตรูที่ร้ายกาจของโดราเอมอน เพราะหูของ โดราเอมอน ถูกหนูกัดขาด มีน้องสาวชื่อโดเรมี โดราเอมอนมีกระเป๋า 4 มิติ ที่เชื่อมโยงระหว่างโลกปัจจุบันและอนาคตได้ ในนั้นเต็มไปด้วยของวิเศษมากมาย ซึ่งจริงๆแล้วเป็นแค่ของเล่น ของเด็กๆ ในอนาคตเท่านั้นเอง ของวิเศษเหล่านี้ ช่วยให้ชีวิตประจำวันของโนบิตะดีขึ้น ไม่ต้องถูกรังแก แต่โนบิตะมักจะใช้ไปในทางที่ไม่ถูกต้องบ่อยๆ และก็มักจะหาเรื่องวุ่นวายมาให้โดราเอมอนบ่อยๆ ด้วย ทำให้เกิดความ วุ่นวายโกลาหล เพื่อนๆของโนบิตะก็เป็นเพื่อนกับโดราเอมอนเหมือนกันทุกคนรักโดราเอมอนและมักจะมาเล่นสนุกกับ เครื่องมือ ต่างๆที่โดราเอมอนเอาออกมาใช้เสมอ
โดเรม่อนเกิดที่โรงงานหุ่นยนต์ มีตัวสีเหลืองแต่แล้ว วันหนึ่งก็ถูกหนูกัดหู ก็เปลี่ยนสีอย่างที่เราเห็นกันในปัจจุบัน โดราเอมอนก็กลัวหนูตั้งแต่นั้นมา 


 

การ์ตูนหมีพู

ประวัติการ์ตูนหมีพู


   ประมาณเดือนสิงหาคม ในปี ค.ศ. 1914 ซึ่งอยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 Harry Colebourn สัตวแพทย์ชาวคานาดา ทำงานประจำที่ Fort Garry Horse ใน Winnipeg ได้ถูกส่งตัวไปประจำการที่อังกฤษ ขณะเดินทางไปอังกฤษ ขบวนรถไฟที่เขานั่งไปต้องหยุดจอดที่ White River ใน Ontario เพื่อเปลี่ยนขบวนใหม่ ระหว่างนั้นเขาได้เห็นชายคนหนึ่งกับลูกหมีสีดำ ณ บริเวณชานชาลาของสถานีรถไฟ โดยที่ลูกหมีตัวนั้นถูกผูกกับที่เท้าแขนของเก้าอี้ที่ชายคนนั้นนั่งอยู่ หลังจากที่ Harry Colebourn พูดคุยกับชายคนนั้นทำให้เขารู้ว่า ชายคนนั้นเป็นนักล่าสัตว์ เขาจึงขอซื้อลูกหมีตัวนั้นในราคา 20 เหรียญสหรัฐ และตั้งชื่อให้มันว่า Winnie เขาได้นำ Winnie ไปอยู่กับเขาที่กองทัพด้วย ซึ่งทุกคนในกองทัพก็ถือว่า Winnie เป็นสัตว์นำโชค
   ต่อมาเดือนธันวาคม ในปีเดียวกัน กองทัพที่ Harry Colebourn ประจำการอยู่ ต้องย้ายกำลังพลไปที่ประเทศฝรั่งเศส Harry Colebourn ได้ฝาก Winnie ไว้ที่สวนสัตว์ที่กรุงลอนดอน และเขาคาดการณ์ว่าประมาณ 2 สัปดาห์เขาคงจะเสร็จภารกิจ และกลับมารับ Winnie ได้ แต่เหตุการณ์ไม่ได้เป็นดังที่เขาคิดไว้ สงครามสงบประมาณปี ค.ศ. 1918 Harry Colebourn กลับมาที่สวนสัตว์อีกครั้งเพื่อมารับ Winnie แต่เขาพบว่า Winnie อยู่อย่างมีความสุข ณ สวนสัตว์แห่งนี้ ทั้งคนเลี้ยงและคนที่มาเที่ยวในสวนสัตว์ รักมันมาก เขาจึงตัดสินใจปล่อยให้ Winnie อยู่ที่สวนสัตว์ตามเดิม และมาเยี่ยม Winnie เสมอเมื่อมีโอกาส จนกระทั่ง Winnie เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ปี ค.ศ.1934 ส่วน Harry Colebourn ได้กลับมาประจำการอยู่ที่ทำงานเก่าของเขา Fort Garry Horse ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1921 โดยทำหน้าที่เป็นสัตวแพทย์ ประจำกองทัพ จนกระทั่งเขาเสียชีวิตเมื่อปี ค.ศ. 1947
  ในช่วงที่ Winnie ยังมีชีวิตอยู่ในสวนสัตว์ Winnie มีชื่อเสียงมาก อยู่มาวันหนึ่งประมาณปี ค.ศ. 1925 Christoper Robin เด็กชายวัย 5 ขวบได้มาเที่ยวเล่นในสวนสัตว์แห่งนี้ ทันทีที่ Christopher Robin พบกับ Winnie เขาก็เกิดความรักและประทับใจใน Winnie มาก จนถึงกับเปลี่ยนชื่อตุ๊กตาหมีที่ได้จากเพื่อนของพ่อของเขาจาก Edward มาเป็นชื่อ Winnie และความรักของ Christoper Robin ใน Winnie นี่เองที่ไปจุดประกายความคิดของ A.A. Milne (Alan Alexander Milne) พ่อของ Christopher Robin ซึ่งเป็นนักเขียนหนังสือและบทกลอน ให้แต่งนิทานเรื่องเกี่ยวกับ Winnie และเพื่อนขึ้นมา โดยชื่อของหมีในนิทานของเขามีชื่อว่า "Winnie-the-Pooh" โดยคำว่า Winnie มาจากตุ๊กตาหมีของลูกชายของเขาและหมี Winnie ในสวนสัตว์นั่นเอง ส่วนคำว่า Pooh มาจากชื่อของหงส์ที่อาศัยอยู่ในบริเวณฟาร์มของเขา (Cotchford Farm อยู่ในบริเวณป่า Ashdown ที่ Sussex ประเทศ England)

ขอบคุณที่มาhttp://student.lcct.ac.th


การแก้ไขเบื้องต้นของซีพี

การแก้ไขปัญหาเบื้องต้นของ PC

   เครื่องคอมพิวเตอร์นับว่าเป็นอุปกรณ์ที่ทนต่อการใช้งาน ถ้าหากใช้งานเครื่องอย่างถูกวิธีตามคำแนะนำที่กล่าวมา แต่อย่างไรก็ตามมีบางปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งผู้ใช้สามารถแก้ไขเบื้องต้นได้ด้วยตนเอง เช่น
1. เครื่องหยุดการทำงานขณะใช้งานอยู่            
สาเหตุ แหล่งจ่ายไฟจ่ายกำลังไฟฟ้าไม่พอ อาจเกิดจากมีอุปกรณ์ต่อพ่วงอยู่กับคอมพิวเตอร์เป็นจำนวนมาก
การแก้ไข นำอุปกรณ์ที่ไม่จำเป็นที่ต่อพ่วงอยู่กับเครื่องคอมพิวเตอร์ออกไป หรือเปลี่ยนแหล่งจ่ายไฟที่มีกำลังไฟฟ้ามากขึ้น
2. เปิดเครื่องแล้วปรากฏข้อความว่า “DISK BOOT FAILURE, INSERT DISK SYSTEM PRESS ENTER”
สาเหตุ เครื่องบูตไม่พบฮาร์ดดิสก์ หรือระบบปฏิบัติการบนฮาร์ดดิสก์เสียหาย
การแก้ไข ตรวจสอบโปรแกรมไบออสว่า บูตฮาร์ดดิสก์ในตำแหน่งที่ถูกต้องหรือไม่ หรือติดตั้งระบบปฏิบัติการบนฮาร์ดดิสก์
3. อ่านหรือเขียนแผ่นซีดี / ดีวีดีไม่ได้
สาเหตุ หัวอ่านเลเซอร์ของไดร์ฟสกปรก
การแก้ไข ให้ใช้แผ่นซีดีทำความสะอาดหัวก่อน โดยใส่แผ่นซีดีสำหรับทำความสะอาดเข้าไปในไดร์ฟ แปรงขนาดเล็กที่อยู่ใต้แผ่นซีดีจะปัดทำความสะอาดหัวอ่านเลเซอร์ของไดร์ฟ
4. เครื่องรีสตาร์ท (restart) ขณะทำงาน
สาเหตุ ซีพียูมีความร้อนสูง
การแก้ไข ตรวจสอบพัดลมของซีพียูว่าทำงานหรือไม่ สายที่ต่ออยู่แน่นหรือไม่

วันอังคารที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2555


ประวัติส่วนตัว




ชื่อ นางสาว ปัญจพิชญ์ พรหมปัญญา
ชื่อเล่น นุ่น อายุ 16 ปี
ศึกษาอยู่มัธยมศึกษาปีที่ 4/1
แผนการเรียน อังกฤษ-สังคม
จบมาจาก โรงเรียนลำปางกัลยาณี
เกิด วันที่ 14 มิถุนายน 2539
ที่อยู่ 380 หมู่ 4 ต.ชมพู อ.เมือง จ.ลำปาง 52100
อาหารที่ชอบ สุกี้
สีที่ชอบ น้ำเงิน เขียว
นิสัย พูดมาก โกรธง่ายหายเร็ว (หน้าม่อ)